การเลือกซื้อกลองไฟฟ้าสำหรับมืออาชีพปัจจัยที่ควรพิจารณา
อัปเดตล่าสุด : 01/04/2025
การตัดสินใจเลือกซื้อกลองไฟฟ้าสำหรับมืออาชีพนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะนอกจากต้องคำนึงถึงคุณภาพและเสียงที่ออกมาแล้ว ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ต้องพิจารณาเพื่อให้การลงทุนในเครื่องมือดนตรีนี้คุ้มค่าและตอบโจทย์การใช้งานในทุกสถานการณ์ บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับปัจจัยสำคัญต่าง ๆ ที่มืออาชีพควรคำนึงถึงเมื่อเลือกซื้อกลองไฟฟ้า
 
1. คุณภาพเสียงและความสมจริง
สำหรับมืออาชีพ เสียงที่ออกมาจากกลองไฟฟ้าควรมีคุณภาพสูงและสามารถจำลองเสียงกลองอะคูสติกได้อย่างใกล้เคียงกับความเป็นจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสตูดิโอบันทึกเสียงหรือการแสดงสดที่ต้องการความคมชัดและมีมิติของเสียง
 • ตัวอย่างของ Pad และ Trigger: ควรเลือกอุปกรณ์ที่มีเทคโนโลยีการตรวจจับความไวสูงและมีการตอบสนองที่รวดเร็ว ทำให้การเล่นมีความเป็นธรรมชาติและตอบสนองต่อการตีได้อย่างแม่นยำ
 • การปรับแต่งเสียง: เครื่องบางรุ่นอนุญาตให้ผู้ใช้ปรับแต่งเสียงได้ละเอียด เพื่อให้สามารถเปลี่ยนแปลงและปรับจูนตามความต้องการของเพลงหรือสไตล์การแสดง
 
2. ความทนทานและวัสดุที่ใช้ผลิต
การลงทุนในกลองไฟฟ้าสำหรับมืออาชีพควรคำนึงถึงวัสดุและการออกแบบที่มีความทนทาน เพราะเครื่องมือดนตรีนี้จะถูกใช้งานเป็นประจำในสตูดิโอและบนเวที
 • โครงสร้างและวัสดุ: เลือกเครื่องที่มีโครงสร้างที่แข็งแรง เช่น การใช้อลูมิเนียมหรือวัสดุคอมโพสิต ที่สามารถทนต่อการกระแทกและการสึกหรอจากการใช้งานในระยะยาว
 • การออกแบบเพื่อการพกพา: สำหรับมืออาชีพที่ต้องการพกพาเครื่องไปแสดงสดในสถานที่ต่าง ๆ ควรคำนึงถึงน้ำหนักและความสะดวกในการจัดเก็บและขนส่ง
 
3. การเชื่อมต่อและการบูรณาการกับอุปกรณ์อื่น ๆ
ในยุคดิจิทัล กลองไฟฟ้าส่วนใหญ่มีความสามารถในการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่น ๆ ได้หลากหลาย ทั้งคอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์ดนตรี และเครื่องเสียงบนเวที
 • การเชื่อมต่อแบบ MIDI: ระบบ MIDI ช่วยให้สามารถบูรณาการกับโปรแกรมสร้างสรรค์เพลงหรือซอฟต์แวร์ต่าง ๆ ได้อย่างราบรื่น
 • พอร์ตเชื่อมต่อที่หลากหลาย: เช่น USB, Line Out, และอินพุตสำหรับหูฟัง ซึ่งช่วยให้สามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานตามสถานการณ์ได้อย่างยืดหยุ่น

 
4. ฟังก์ชันและความสามารถเพิ่มเติม
นอกจากความสามารถพื้นฐานในการจำลองเสียงกลองแล้ว กลองไฟฟ้ารุ่นสำหรับมืออาชีพมักมาพร้อมกับฟังก์ชันที่ช่วยเสริมประสบการณ์ในการเล่นและการแสดงสด
 • โมดูลเสียงที่สามารถอัปเกรดได้: เครื่องบางรุ่นอนุญาตให้ผู้ใช้ดาวน์โหลดเสียงใหม่ ๆ หรืออัปเดตซอฟต์แวร์เพื่อเพิ่มความหลากหลายของเสียง
 • ระบบบันทึกและเล่นซ้ำ: ฟังก์ชันนี้ช่วยให้มืออาชีพสามารถบันทึกส่วนของการเล่นและนำมาทบทวนเพื่อการปรับปรุงเทคนิคหรือแม้แต่ใช้เป็นพื้นฐานในการแสดงสด
 • การปรับแต่งการตอบสนองของ Trigger: ผู้เล่นสามารถปรับระดับความไวและแรงตอบสนองของแต่ละ pad เพื่อให้เข้ากับสไตล์การเล่นเฉพาะตัว

 
5. การสนับสนุนและบริการหลังการขาย
สำหรับการลงทุนในเครื่องมือดนตรีที่มีราคาไม่ถูก ควรคำนึงถึงการบริการหลังการขายที่ดีจากผู้ผลิตหรือร้านค้าที่จำหน่าย
 • การรับประกันสินค้า: เลือกซื้อจากแบรนด์ที่มีประวัติการรับประกันที่น่าเชื่อถือ และมีศูนย์บริการที่สามารถช่วยแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว
 • ความพร้อมของอะไหล่และอุปกรณ์เสริม: สำรวจว่าผู้ผลิตมีการจัดจำหน่ายอะไหล่หรืออุปกรณ์เสริมที่เข้ากันได้ง่ายในกรณีที่เกิดการสึกหรอหรือความเสียหาย
6. ราคาและความคุ้มค่า
แม้ว่ามืออาชีพจะไม่เน้นเรื่องราคามากเท่าคุณภาพ แต่ก็ยังคงต้องพิจารณาให้แน่ใจว่าการลงทุนที่ทำไปนั้นคุ้มค่าในระยะยาว
 • เปรียบเทียบราคา: ทำการเปรียบเทียบระหว่างรุ่นและแบรนด์ต่าง ๆ เพื่อหาเครื่องที่มีคุณสมบัติครบครันและเหมาะสมกับงบประมาณที่มี
 • การรีวิวจากผู้ใช้งานจริง: ค้นหาความคิดเห็นจากผู้เล่นกลองไฟฟ้ามืออาชีพ เพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับประสบการณ์การใช้งานจริง

 
สรุป
การเลือกซื้อกลองไฟฟ้าสำหรับมืออาชีพนั้นต้องพิจารณาปัจจัยหลายด้านตั้งแต่คุณภาพเสียง ความทนทาน การเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่าง ๆ ฟังก์ชันเพิ่มเติม การบริการหลังการขาย รวมไปถึงความคุ้มค่าในการลงทุน ด้วยการวิเคราะห์และเปรียบเทียบอย่างละเอียด คุณจะสามารถเลือกเครื่องดนตรีที่ตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นในสตูดิโอบันทึกเสียงหรือบนเวทีแสดงสด