ช่องการเชื่อมต่อแต่ละช่องของ module กลองไฟฟ้า
อัปเดตล่าสุด : 19/07/2025
ในยุคที่เทคโนโลยีดนตรีพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง "กลองไฟฟ้า" ได้กลายเป็นเครื่องดนตรีที่ได้รับความนิยมสูงมากในหมู่นักดนตรีทั้งมือใหม่และมืออาชีพ ไม่ใช่แค่เพราะความเงียบหรือการพกพาสะดวก แต่ยังรวมถึงความสามารถในการเชื่อมต่อที่หลากหลาย โดยเฉพาะ “โมดูล” หรือสมองของกลองไฟฟ้า ที่เปรียบเสมือนศูนย์ควบคุมเสียงและการทำงานทั้งหมด หากคุณยังสงสัยว่า ช่องต่าง ๆ ที่อยู่ด้านหลังหรือด้านข้างของโมดูลคืออะไร ใช้อย่างไร หรือจะเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ภายนอกอย่างไร บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับช่องการเชื่อมต่อเหล่านั้นอย่างครบถ้วน

1. ช่อง Trigger Input (ช่องเสียบแผ่นแพดกลอง)
ช่องพื้นฐานที่ทุกโมดูลต้องมี เป็นช่องสำหรับเสียบสายจากแผ่น Pad ต่าง ๆ เช่น Snare, Kick, Tom, Hi-hat, Crash, Ride ฯลฯ
ช่องพื้นฐานที่ทุกโมดูลต้องมี เป็นช่องสำหรับเสียบสายจากแผ่น Pad ต่าง ๆ เช่น Snare, Kick, Tom, Hi-hat, Crash, Ride ฯลฯ
-แต่ละช่องจะถูกกำหนดไว้เฉพาะ เช่น Snare (TRIG 1), Kick (TRIG 2) เป็นต้น
-บางรุ่นมีการรวมช่องด้วยสายแบบ DB25 (Multicore) ที่แยกสัญญาณภายใน
-ช่องบางช่องรองรับ Pad แบบ Dual-Zone หรือ Triple-Zone สำหรับเสียงหลายโซน
2. ช่อง Output (เสียงออก)
-Main Output (L/Mono, R): สำหรับส่งเสียงออกไปยังลำโพงหรือมิกเซอร์
-Main Output (L/Mono, R): สำหรับส่งเสียงออกไปยังลำโพงหรือมิกเซอร์
-Individual Output: สำหรับแยกเสียงแต่ละ Pad ออกอุปกรณ์ภายนอก เช่น Snare ออกช่อง 1, Kick ออกช่อง 2 เหมาะกับงานบันทึกเสียงหรือแสดงสด
-Headphone Output: ใช้ฟังเสียงผ่านหูฟัง มีระบบควบคุมความดังแยกจาก Main Output
3. ช่อง Audio In (AUX IN)
-สำหรับเสียบสัญญาณเสียงจากภายนอก เช่น มือถือ, คอมพิวเตอร์, เครื่องเล่นเพลง
-สำหรับเสียบสัญญาณเสียงจากภายนอก เช่น มือถือ, คอมพิวเตอร์, เครื่องเล่นเพลง
-เหมาะสำหรับการฝึกซ้อมเล่นร่วมกับแบ็กกิ้งแทร็กหรือเพลงจากยูทูบ
-บางรุ่นสามารถปรับระดับความดังของ Audio In แยกได้
4. ช่อง MIDI In/Out
-ใช้สำหรับส่ง/รับข้อมูล MIDI ระหว่างโมดูลกับอุปกรณ์ภายนอก เช่น คีย์บอร์ด, คอมพิวเตอร์ หรือซอฟต์แวร์ดนตรี (DAW)
-ใช้สำหรับส่ง/รับข้อมูล MIDI ระหว่างโมดูลกับอุปกรณ์ภายนอก เช่น คีย์บอร์ด, คอมพิวเตอร์ หรือซอฟต์แวร์ดนตรี (DAW)
-MIDI Out ช่วยให้ใช้โมดูลเป็น Trigger Controller เพื่อควบคุมเสียงจากโปรแกรมเสมือนจริงเช่น EZDrummer, Superior Drummer
-MIDI In ช่วยให้สามารถควบคุมเสียงในโมดูลจากภายนอกได้
5. ช่อง USB (To Host / Audio Interface)
โมดูลรุ่นใหม่ส่วนใหญ่มีช่อง USB ที่ทำหน้าที่หลายอย่าง เช่น
โมดูลรุ่นใหม่ส่วนใหญ่มีช่อง USB ที่ทำหน้าที่หลายอย่าง เช่น
-USB Audio/MIDI Interface: ส่งข้อมูล MIDI และเสียงเข้าไปยังคอมพิวเตอร์โดยตรง
-ใช้เชื่อมต่อกับโปรแกรมอัดเสียงหรือโปรแกรมเสริมเสียงกลอง
-บางรุ่นรองรับการเล่นไฟล์เสียงผ่าน USB Flash Drive ด้วย
6. ช่อง Power Supply
-สำหรับเสียบอะแดปเตอร์ไฟฟ้าเข้ากับโมดูล
-สำหรับเสียบอะแดปเตอร์ไฟฟ้าเข้ากับโมดูล
**ควรใช้กับอะแดปเตอร์ที่ให้มาจากผู้ผลิตเสมอ เพื่อความปลอดภัยและความเสถียรในระยะยาว**
7. ช่อง SD Card / USB Memory (บางรุ่น)
-ใช้สำหรับโหลดเสียงเพิ่มเติม หรือนำเข้า/บันทึกไฟล์การเล่น
-ใช้สำหรับโหลดเสียงเพิ่มเติม หรือนำเข้า/บันทึกไฟล์การเล่น
-บางโมดูลสามารถบันทึกเสียงเล่นสดลงแฟลชไดรฟ์ได้ทันที
8. ช่อง Mix In หรือ Line In (แยกจาก AUX)
-ใช้ต่อกับเครื่องเสียงหรือแหล่งเสียงอื่น ๆ โดยไม่รวมกับ AUX
-ใช้ต่อกับเครื่องเสียงหรือแหล่งเสียงอื่น ๆ โดยไม่รวมกับ AUX
-ทำให้สามารถมิกซ์เสียงจากหลายแหล่งพร้อมกันได้
สรุป
ช่องการเชื่อมต่อของโมดูลกลองไฟฟ้าไม่ได้มีไว้แค่เสียบ Pad เท่านั้น แต่ยังเปิดโอกาสให้นักดนตรีสามารถเชื่อมโยงกับอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้อย่างหลากหลาย ทั้งเพื่อฝึกซ้อม อัดเสียง หรือแสดงสดอย่างมืออาชีพ ไม่ว่าจะเป็นช่อง Trigger, Audio In, USB, MIDI หรือ Output ต่าง ๆ ทุกช่องล้วนมีบทบาทเฉพาะตัวที่สำคัญ การทำความเข้าใจแต่ละช่องจะช่วยให้คุณใช้โมดูลได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และพร้อมพัฒนาไปสู่ระดับที่สูงขึ้นอย่างมั่นใจ
ช่องการเชื่อมต่อของโมดูลกลองไฟฟ้าไม่ได้มีไว้แค่เสียบ Pad เท่านั้น แต่ยังเปิดโอกาสให้นักดนตรีสามารถเชื่อมโยงกับอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้อย่างหลากหลาย ทั้งเพื่อฝึกซ้อม อัดเสียง หรือแสดงสดอย่างมืออาชีพ ไม่ว่าจะเป็นช่อง Trigger, Audio In, USB, MIDI หรือ Output ต่าง ๆ ทุกช่องล้วนมีบทบาทเฉพาะตัวที่สำคัญ การทำความเข้าใจแต่ละช่องจะช่วยให้คุณใช้โมดูลได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และพร้อมพัฒนาไปสู่ระดับที่สูงขึ้นอย่างมั่นใจ