มือใหม่ต้องรู้! สิ่งที่ควรเช็กก่อนซื้อกลองไฟฟ้าเครื่องแรก
อัปเดตล่าสุด : 03/09/2025
หลายคนที่เริ่มอยากหัดตีกลอง คงจะเคยเจอปัญหาใหญ่คือ “กลองชุดจริงมันเสียงดังเกินไป” หรือ “ไม่มีพื้นที่ตั้งกลองทั้งชุด” นี่แหละครับที่ทำให้ กลองไฟฟ้า (E-Drum) กลายมาเป็นทางเลือกยอดฮิตของมือใหม่ เพราะทั้งประหยัดพื้นที่ ปรับเสียงได้ และซ้อมได้โดยไม่รบกวนเพื่อนบ้าน แต่...ก่อนจะตัดสินใจซื้อกลองไฟฟ้าเครื่องแรก หลายคนอาจยังสับสนว่าจะเลือกแบบไหนดี หรือกลัวซื้อมาแล้วไม่ตอบโจทย์ บทความนี้จะพาคุณไปดู สิ่งที่ควรเช็กก่อนซื้อกลองไฟฟ้า เพื่อให้การลงทุนครั้งแรกของคุณคุ้มค่าและตอบโจทย์การใช้งานจริง

✅ 1. งบประมาณที่คุณตั้งไว้
-สิ่งแรกที่ควรคิดเลยคือ คุณพร้อมลงทุนเท่าไหร่ กลองไฟฟ้ามีตั้งแต่หลักหมื่นต้น ๆ ไปจนถึงหลายหมื่นบาท
-มือใหม่เริ่มต้น: ชุดเล็ก ๆ ราคาประมาณ 10,000 – 15,000 บาทก็เพียงพอ
-สำหรับคนจริงจัง: หากคิดจะเล่นต่อเนื่อง ควรดูรุ่นกลาง 20,000 – 35,000 บาทขึ้นไปอย่าลืมคำนวณค่า อุปกรณ์เสริม เช่น เก้าอี้ ก้านไม้กลอง หูฟัง หรือแอมป์กลองไฟฟ้า
✅ 2. พื้นที่ในการวางกลอง
หลายคนซื้อมาแล้วถึงกับเซ็งเพราะกลองไฟฟ้ากินพื้นที่กว่าที่คิด แม้จะเล็กกว่ากลองจริง แต่ชุดหนึ่งก็ใช้พื้นที่ประมาณ 1.2 – 1.5 เมตรรอบตัว ควรเช็กให้แน่ใจว่าห้องของคุณมีที่พอ และเผื่อพื้นที่ขยับเวลาตีด้วย
หลายคนซื้อมาแล้วถึงกับเซ็งเพราะกลองไฟฟ้ากินพื้นที่กว่าที่คิด แม้จะเล็กกว่ากลองจริง แต่ชุดหนึ่งก็ใช้พื้นที่ประมาณ 1.2 – 1.5 เมตรรอบตัว ควรเช็กให้แน่ใจว่าห้องของคุณมีที่พอ และเผื่อพื้นที่ขยับเวลาตีด้วย
✅ 3. ประเภทของ Pad – Mesh หรือ Rubber
-Mesh Pad → ฟีลใกล้เคียงกลองจริง เด้งมือดี เงียบกว่า แต่ราคาสูงกว่า
-Mesh Pad → ฟีลใกล้เคียงกลองจริง เด้งมือดี เงียบกว่า แต่ราคาสูงกว่า
-Rubber Pad → แข็งกว่า เสียงดังเวลาตี แต่ทนทานและราคาประหยัด
-หากคุณจริงจังกับการซ้อม ควรเลือก Mesh Head อย่างน้อยในสแนร์และกลองกลองทอม
✅ 4. โมดูลกลอง (สมองของชุดกลอง)
-โมดูลคือส่วนที่ควบคุมเสียงและการตั้งค่าทั้งหมด ควรเช็กว่า:
-โมดูลคือส่วนที่ควบคุมเสียงและการตั้งค่าทั้งหมด ควรเช็กว่า:
-มีเสียงกลองเพียงพอกับแนวเพลงที่คุณอยากเล่นไหม
-รองรับการเชื่อมต่อกับมือถือ/คอมพิวเตอร์หรือไม่
-มีฟีเจอร์ช่วยฝึกซ้อม เช่น เมโทรนอม เพลงประกอบ หรือระบบบันทึกเสียง
-หากคุณคิดจะอัดเพลง ควรเลือกโมดูลที่เชื่อมต่อ USB MIDI / Audio Interface ได้ จะสะดวกมาก
✅ 5. ความทนทานของโครงสร้าง
เฟรมหรือโครงกลองเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม หากเฟรมไม่แข็งแรง เวลาตีแรง ๆ จะขยับจนเสียอารมณ์ ลองเช็กรีวิวหรือไปทดลองที่ร้าน เพื่อดูว่ากลองนั้น มั่นคงและไม่โยกเยก เวลาตีจริง
เฟรมหรือโครงกลองเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม หากเฟรมไม่แข็งแรง เวลาตีแรง ๆ จะขยับจนเสียอารมณ์ ลองเช็กรีวิวหรือไปทดลองที่ร้าน เพื่อดูว่ากลองนั้น มั่นคงและไม่โยกเยก เวลาตีจริง
✅ 6. การอัปเกรดในอนาคต
บางรุ่นสามารถต่อแผ่น Crash เพิ่ม หรือตั้งค่า Pad เสริมได้ หากคุณคิดว่าอนาคตอยากเล่นจริงจัง ควรเลือกชุดที่ รองรับการขยาย ไม่อย่างนั้นคุณอาจต้องเปลี่ยนใหม่ทั้งชุดเร็วเกินไป
บางรุ่นสามารถต่อแผ่น Crash เพิ่ม หรือตั้งค่า Pad เสริมได้ หากคุณคิดว่าอนาคตอยากเล่นจริงจัง ควรเลือกชุดที่ รองรับการขยาย ไม่อย่างนั้นคุณอาจต้องเปลี่ยนใหม่ทั้งชุดเร็วเกินไป
✅ 7. ลองเล่นจริงก่อนซื้อ
สุดท้าย อย่ารีบตัดสินใจจากการดูรูปหรือสเปคอย่างเดียว กลองไฟฟ้าแต่ละรุ่นให้ ฟีลลิ่งการตีต่างกัน ควรไปลองเล่นจริงที่ร้าน ถ้าไม่สะดวกก็หาคลิปรีวิวจากผู้เล่นจริงประกอบการตัดสินใจ
สุดท้าย อย่ารีบตัดสินใจจากการดูรูปหรือสเปคอย่างเดียว กลองไฟฟ้าแต่ละรุ่นให้ ฟีลลิ่งการตีต่างกัน ควรไปลองเล่นจริงที่ร้าน ถ้าไม่สะดวกก็หาคลิปรีวิวจากผู้เล่นจริงประกอบการตัดสินใจ
สรุป
การซื้อกลองไฟฟ้าเครื่องแรกไม่ใช่เรื่องยาก แต่ก็ไม่ควรซื้อแบบรีบร้อน สิ่งสำคัญที่มือใหม่ควรเช็กคือ งบประมาณ – พื้นที่วาง – ประเภท Pad – โมดูลกลอง – ความแข็งแรง – การอัปเกรด – และการลองเล่นจริงก่อนซื้อ เมื่อคุณเตรียมครบทุกด้าน ก็มั่นใจได้ว่ากลองไฟฟ้าเครื่องแรกของคุณจะตอบโจทย์ทั้งการซ้อม สนุกไปกับการเล่น และคุ้มค่ากับการลงทุน
การซื้อกลองไฟฟ้าเครื่องแรกไม่ใช่เรื่องยาก แต่ก็ไม่ควรซื้อแบบรีบร้อน สิ่งสำคัญที่มือใหม่ควรเช็กคือ งบประมาณ – พื้นที่วาง – ประเภท Pad – โมดูลกลอง – ความแข็งแรง – การอัปเกรด – และการลองเล่นจริงก่อนซื้อ เมื่อคุณเตรียมครบทุกด้าน ก็มั่นใจได้ว่ากลองไฟฟ้าเครื่องแรกของคุณจะตอบโจทย์ทั้งการซ้อม สนุกไปกับการเล่น และคุ้มค่ากับการลงทุน