เปลี่ยนกลองไฟฟ้าให้เหมือนชุดกลอง Acoustic ด้วยการปรับเสียงโทน
อัปเดตล่าสุด : 17/12/2025
หลายคนที่ใช้กลองไฟฟ้าต่างรู้ว่าข้อดีของมันคือความสะดวก ใช้พื้นที่น้อย และควบคุมเสียงได้ง่าย แต่สิ่งที่มือกลองจำนวนมากยังคงโหยหา คือ “ความรู้สึกเหมือนกำลังตีกลองอะคูสติกจริง ๆ” ทั้งน้ำหนักเสียง ความกังวาน ความมีไดนามิก และคาแรกเตอร์เฉพาะตัวของกลองไม้หรือกลองโลหะข่าวดีคือ — คุณสามารถทำให้กลองไฟฟ้ามีโทนใกล้เคียงกับกลองอะคูสติกได้อย่างไม่น่าเชื่อ เพียงแค่รู้วิธี “ปรับเสียงโทน” อย่างถูกต้อง!
 
บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกเทคนิคที่มือกลองยุคใหม่ใช้กัน ทั้งมืออาชีพและมือสมัครเล่น เพื่อให้กลองไฟฟ้าของคุณมีความเป็น Acoustic มากที่สุด
 
เข้าใจพื้นฐานของโทนเสียงก่อนเริ่มปรับ
โทนเสียงของกลองอะคูสติกไม่ได้มีแค่เสียง “ปัง” หรือ “ตีแล้วดัง” แต่ประกอบด้วยหลายองค์ประกอบ เช่น ความกังวาน (Resonance) น้ำหนักการตี (Velocity Layer) ความลึกของกลอง (Depth) ความโค้งกระเดื่อง–สแนร์ (Curve) เสียงก้องของห้อง (Room Sound) การปรับกลองไฟฟ้าให้เหมือนกลองอะคูสติก ควรจำลองรายละเอียดพวกนี้ให้ครบมากที่สุด
 
เลือกชุดเสียง (Kit) ที่เป็น Acoustic เป็นพื้นฐาน
ก่อนจะปรับโทน ให้เลือกชุดกลองที่มีเสียงอ้างอิงเป็นอะคูสติก เช่น Studio , Acoustic , Rock Kit , Maple Kit , Birch Kit , Jazz Acoustic เพราะเสียงพวกนี้ถูกออกแบบมาเลียนแบบกลองไม้จริงอยู่แล้ว ทำให้ปรับต่อได้ง่ายและสมจริงกว่าเริ่มจากเสียงแนวอิเล็กทรอนิกส์หรือ EDM
 
ปรับความกังวาน (Resonance) ให้มีความลึก
กลองอะคูสติกมีเสียงกังวานตามความลึกของตัวกลอง เช่น สแนร์ลึก 6.5" จะหนาและกังวานกว่าสแนร์ลึก 5"ให้ปรับค่าเหล่านี้เพิ่มขึ้นเล็กน้อย:
-Snare Resonance +10–20%
 
-Tom Resonance +20–30%
 
-Kick Resonance เล็กน้อย +5–10%
 
ระวังอย่าให้เยอะเกิน เพราะจะทำให้เสียงกลายเป็น “ตุ้ม” ไม่เหมือนจริง
 
ปรับ EQ ให้สมจริงตามการอัดกลองอะคูสติก
Snare Drum
-เพิ่ม High Mid เล็กน้อยเพื่อให้เสียง “ตีชัด”
 
-ลด Low Mid เพื่อลดความอุด
 
-เพิ่ม High สำหรับเสียงสายสแนร์
 
Kick Drum
-เพิ่ม Bass เพื่อให้เสียงแน่น
 
-เพิ่ม High Mid บางส่วนเพื่อให้ได้ยินเสียง “ตีหน้าไม้”
 
Tom
-เพิ่ม Low ให้กลม
 
-ลด Mid เพื่อให้เสียงไม่แข็ง
 
-เพิ่ม High เล็กน้อยให้เสียงใส
 
การ EQ นี้จะทำให้เสียงกลองไฟฟ้าดูมีมิติแบบอะคูสติกมากขึ้น
 
ปรับ Curve ของ Velocity ให้คล้ายการตีจริง
มือกลองส่วนใหญ่ชอบให้กลองตอบสนองต่อแรงตีเหมือนของจริง คือเบาก็ดังเบา แรงก็ดังชัด และมี Layer ที่ละเอียดในโมดูลกลองให้ปรับ:
-Velocity Curve → “Wide” หรือ “Linear +”
 
-เพิ่มระดับ Dynamic Range
 
ผลที่ได้คือทำให้การตีมีความเป็นธรรมชาติและ “คุมอารมณ์เพลง” ได้เหมือนตีอะคูสติก
 
ใช้ Trigger Sensitivity ให้สัมพันธ์กับสไตล์การตี
ถ้า sensitivity สูงเกินไป เสียงจะดังแบบควบคุมยากถ้าต่ำเกินไป จะรู้สึกว่าต้องตีแรงถึงจะดัง แนวทางแนะนำ:
-มือเบา → เพิ่ม Sensitivity +
 
-มือหนัก → ลด Sensitivity
 
เมื่อปรับเข้ากับวิธีตีของคุณเอง เสียงจะเป็นธรรมชาติกว่ามาก
 
เปลี่ยนประเภท Pad หรือหัวกลอง (มีก็ช่วยได้เยอะ)
ถ้ามีโอกาสอัปเกรด อุปกรณ์ต่อไปนี้ช่วยให้เสียงใกล้ของจริงขึ้น:
-Mesh Head (ให้ความยืดหยุ่นคล้ายหนังจริง)
 
-3-zone Cymbal (ให้ไดนามิกที่เหมือนฉาบจริง)
 
-Hi-hat Stand แบบแยก (ให้ความรู้สึกเป็นอะคูสติกที่สุด)
 
แม้โฟกัสหลักคือ “การปรับเสียง” แต่การมีฮาร์ดแวร์ที่ตอบสนองดีจะช่วยให้ปรับโทนได้แม่นขึ้น
 
สรุป
การทำให้กลองไฟฟ้ามีเสียงใกล้เคียงกลองอะคูสติก ไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด หากคุณรู้หลักการปรับเสียงให้ถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นการเลือกชุดเสียงที่เหมาะสม การเพิ่มความกังวาน ปรับ EQ, Compression, Reverb หรือแม้แต่การตั้งค่าไดนามิกและความไวของ Trigger ทุกอย่างร่วมกันจะสร้างความรู้สึก “เหมือนกำลังตีกลองอะคูสติกจริง ๆ” ได้อย่างสมจริงสุดท้าย กลองไฟฟ้าก็ยังเป็นเครื่องมือที่ยืดหยุ่นมาก คุณสามารถปรับโทนให้เข้ากับแนวเพลงหรือสไตล์การตีของคุณได้แบบละเอียดจนแทบแยกไม่ออกว่าจะเป็นกลองไฟฟ้าหรือกลองอะคูสติก—ขึ้นอยู่กับความตั้งใจและความเข้าใจในการปรับเสียงของคุณเอง